สรุป MIT Psychology & Economics 14.13: Lecture 1 Introduction I (ep1)

 

สรุป MIT Psychology & Economics 14.13: Lecture 1 Introduction I (ep1) ผู้บรรยาย Frank Schilbach MIT February 3, 2020 วีดีโอ https://youtu.be/j5XdY5wkVTA
สไลด์ https://bit.ly/3cua97w
ผู้แปลไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์ จึงสรุปเท่าที่เข้าใจจากวีดีโอ+สไลด์ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ 🙏



Psychology & Economics จิตวิทยา และ เศรษฐศาสตร์ คืออะไร

1. เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ เศรษฐศาสตร์ และ จิตวิทยา หรือ เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม 2. นิยามของ จิตวิทยาและเศรษฐศาสตร์ คือ การศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับจุดร่วมและความสัมพันธ์กันระหว่าง จิตวิทยาและเศรษฐศาสตร์ในเชิงพฤติกรรม
3. คำนิยามที่กว้างขึ้นอาจรวมถึงเนื้อหาต่างๆ เช่น แพทยศาสตร์ สังคมวิทยา และ มานุษยวิทยา เป็นต้น 4. เป้าหมายหลักคือ ความเข้าใจอันลึกซึ้งในเนื้อหาที่สามารถสร้าง แบบจําลองเศรษฐกิจ (Economic models) ให้ดูสมจริงและ สามารถพัฒนาศักยภาพในการคาดการล่วงหน้าได้




Assumption of standard economics models ข้อสันนิษฐานต่างๆ ในแบบจําลองเศรษฐกิจปกติ (แบบมาตรฐาน)
[ผู้บรรยาย อยากให้คลาสมองเห็นว่า หัวข้อ จิตวิทยา และ เศรษฐศาสตร์ มีอะไรแตกต่าง จาก เศรษฐศาสตร์ แบบปกติมาตรฐานบ้าง]

1. Homo Economicus เป็นความคิดที่ว่า มนุษย์คือสัตว์เศรษฐกิจ เป็นลักษณะอย่างไร ในมุมของ เศรษฐศาสตร์ แบบปกติมาตรฐาน

[ผู้บรรยายบอกว่า เศรษฐศาสตร์ แบบปกติมาตรฐาน คือ prerequisite หรือสิ่งที่คลาสต้องเคยเรียนผ่านมาแล้ว ก่อนเลคเชอร์วันนี้]

2. Some typical assumptions of the standard model ตัวอย่างข้อสันนิษฐานของพฤติกรรมต่างๆ ในเศรษฐศาสตร์รูปแบบปกติ (standard model (Rabin, 2002))

 2.1 Well-defined and stable preferences ความชัดเจนและความมั่นคงในสิ่งที่ตนพอใจ เช่น เราชอบกินแอปเปิ้ลมากกว่ากล้วย เราก็จะเป็นแบบนั้นทุกวัน ยกเว้นสิ่งแวดล้อมต่างๆเปลี่ยนไป หรือเราอาจได้รับข้อมูลใหม่ๆ และเปลี่ยนไปชอบกินกล้วยมากกว่า นั้นหมายถึง ความมั่นคงนั้นไม่เหมือนเดิม

[มี นร.เสริมเรื่องของ Self-Control ของมนุษย์ และผู้บรรยายอธิบายว่า คล้ายกับข้อ 2.1 คือมนุษย์มีความสามารถควบคุมตัวเองได้ เช่นเขาตั้งใจจะไปฟิตเนสพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้เขาก็ต้องไปตามแผน ถ้าไม่ไปหมายถึงความมั่นคงนั้นไม่เหมือนเดิม เพราะปัจจัยบางอย่าง]

 2.2 Bayesian information processor (process information optimally) แบบมาตรฐานบอกว่า สมองมนุษย์จะมีการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ และประมวลผลข้อมูลแบบ เบย์เซียน (เป็นสูตรการคำนวณข้อมูลทางคณิตศาสตร์เฉพาะทาง) เพื่อเลือกข้อมูลที่ดีที่สุด

 2.3 Maximize expected utility มนุษย์จะเลือกในสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อตัวเองเสมอ

 2.4 Apply exponential discounting weighting current and future well-being การประยุกต์ใช้ Exponential discounting (เป็นสูตรการคำนวนคณิตศาสตร์เฉพาะทาง) เพื่อการตัดสินใจในชีวิตปัจจุบันและอนาคต

 2.5 Self-interested (narrowly defined) มนุษย์ส่วนใหญ่จะสนใจตัวเอง สิ่งที่ตัวเองบริโภคเป็นหลัก (หรือมีแนวโน้มเห็นแก่ตัว)

 2.6 Have preferences over final outcomes, not changes มนุษย์มักคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น จากความคาดหวัง (มโน) ของตัวเอง และไม่ชอบเห็นมันเปลี่ยนแปลงไป

 2.7 No "taste" for beliefs or information มนุษย์ส่วนใหญ่ใช้ข้อมูลที่ได้รับมาจากผู้อื่น (Information) เพื่อการตัดสินใจ มากกว่า อรรถประโยชน์ในความเชื่อ หรือความมั่นใจของตัวเอง (ความรู้จักตัวเอง)

3. Can you come up with real-world counterexamples? [ผู้บรรยายให้คลาสยกตัวอย่าง เหตุการณ์จริงต่างๆ ที่สวนทางกับทฤษฏีแบบมาตรฐานที่กล่าวมา ผู้แปลขอยกตัวอย่าง แค่บางคำตอบที่น่าสนใจ และเข้าใจ 😅 ]

 3.1 มีนักเรียนตอบว่ามีตัวอย่างที่แย้งกับ ข้อ 2.7 คือมนุษย์มักเชื่อ ในสิ่งที่ตัวเองเลือกที่จะเชื่อ โดยยกตัวอย่างเกี่ยวกับความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ผู้บรรยายเสริมว่า เหมือนกับคนที่อาศัยอยู่ในเขตที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แทนที่เขาจะหาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศและ วิธีรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่เขากลับเมินเฉยและพยายามมีความสุขกับสิ่งที่เชื่อ ที่เป็นอยู่ ตราบใดที่ปัญหายังไม่เกิดขึ้น

 3.2 มี นร.พูดเกี่ยวกับการจำกัดทางเลือกของตนเอง (Demand for restricting their choices) เพื่อป้องกันตัวเองเผลอทำผิดในอนาคต

โดยผู้บรรยายจึงยกตัวอย่างว่า ในคลาสนี้ห้ามนำ Laptop เข้ามาใช้งาน เขาเข้าใจดีว่าผู้เรียนอาจเจตนาดีที่จะนำมาใช้บันทึกการเรียน แต่เพื่อป้องกันปัญหาผู้เรียนวอกแวกไปเรื่องอื่นๆ เช่นแอบแชตกับเพื่อนตอนเรียน หรือ แอบดูรีวิวฟุตบอลในเน็ต และอื่นๆจึงต้องห้าม

เช่นเดียวกัน มนุษย์อาจเลือกที่จะ จำกัดทางเลือกของตัวเองตอนนี้ เพราะรู้ว่าถ้าไม่ทำ อนาคตเขาอาจเผลอทำผิด (ห้ามใจตัวเองไม่ได้)

 3.3 มี นร.ตอบว่ามีตัวอย่างที่แย้งกับหัวข้อ Self-interested คือเขาอาจไม่อยากเข้าเรียนในคลาสนึง แต่เพื่อนเขาอยากเรียน เขาจึงต้องไปเรียนด้วย ผู้บรรยายจึงเสริมว่ามี 2 ส่วนคือ ส่วนหนึ่งมนุษย์อาจแคร์ความรู้สึกของคนรอบข้าง ช่วยเหลือเพื่อน ให้ยืมเงิน หรือบริจาคเงินให้การกุศล คือสนใจความเป็นอยู่ของผู้อื่น ส่วนที่สอง อาจเป็นเรื่องของ Social Influences มนุษย์แคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเขา คนอื่นจะโกรธ จะเกลียด จะอิจฉาเขามั้ย หรือ ต้องทำอะไรบางอย่างที่คนอื่นชื่นชอบ แต่ตัวเองอาจไม่ได้ชอบเลย นั้นคือ Peer effects

ต่อไปจะเป็นกรณีศึกษาต่างๆ ที่ขัดแย้งกับหัวข้อใน เศรษฐศาสตร์ แบบมาตรฐาน ก่อนหน้านี้


Limited Self-Control การควบคุมตัวเองที่มีจำกัด

[ผู้บรรยายให้ดูรูป คนที่ตั้งใจมาออกกำลังกาย แต่ขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่หน้าฟิตเนส และอธิบายว่ามันดูขัดแย้งกัน พวกเขาไม่ได้อยากมาออกกำลังกายมากนัก]


New Year’s resolutions: same procedure as every year รายการสิ่งที่ตั้งใจว่าจะทำในปีใหม่ มีรูปแบบเหมือนๆเดิมในทุกๆปี

[ผู้บรรยายจะสื่อว่า ทุกวันที่ 1 มกราคม ของทุกปีจะมีคนตั้งใจที่จะพยายามลดน้ำหนัก โดยดูจากสถิติการค้นหาใน Google search แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความตั้งใจจะค่อยๆ เลือนหายไป นั้นคือปัญหาของ การควบคุมตัวเอง ที่มีจำกัด]


Demand for information ความต้องการสำหรับข้อมูล

[จากรูปเป็นการสนทนาในตอนนึงของเรื่อง Dr.House โดยผู้บรรยายจะสื่อว่า หมอทุกคนอยากให้ผู้ป่วยถูกวินิจฉัยโรค ถูกทดสอบต่างๆ เพื่อจะได้มีข้อมูลว่าต้อง รักษาอย่างไร ซึ่งผู้ป่วยอาจยินดี เข้ารับการตรวจทดสอบ แต่เขาอาจจะไม่อยากได้ ข้อมูลผลลัพธ์ หรือรู้ว่าเขาป่วยเป็นอะไร เพราะถ้าออกมาไม่ดี และโรคที่เป็นไม่มีทางรักษาให้หาย เขาอาจใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยความทุกข์ สู้ไม่รู้เลย แล้วใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขดีกว่า]


Defaults matter: opt-in vs. opt-out ความสำคัญ ของ ค่าเริ่มต้นการเข้าร่วมกับไม่เข้าร่วม

[ผู้บรรยาย แสดงให้เห็นกรณีศึกษาของ แบบสอบถามการยินยอมบริจาคอวัยวะหลังเสียชีวิตในแต่ละประเทศ ถ้าแบบสอบถาม ให้ผู้ทำแบบสอบถามต้องติ๊กเลือก "เข้าร่วมบริจาค" ก่อนเท่านั้นถึงเป็นการยินยอมบริจาค จะได้ผู้ยินยอมที่น้อยมาก แต่ถ้า กำหนดค่าเริ่มต้นไปเลยว่าถ้าไม่ทำอะไรกับแบบสอบถาม จะเป็นการเข้าร่วมบริจาคโดยทันที ยกเว้น ติ๊กเลือก "ไม่เข้าร่วมบริจาค" ซึ่งปริมาณการยินยอม สูงกว่าเยอะมากในกราฟ แท่งสีฟ้า]



GlowCaps: Reminders can save lives การแจ้งเตือน สามารถช่วยชีวิตได้

[ผู้บรรยายพูดถึง GlowCaps สินค้าเกี่ยวกับการแจ้งเตือนการรับประทานยาให้ถูกเวลา โดยเฉพาะกับคนสูงวัย โดยสินค้าจะแจ้งเตือนผ่าน ไฟสถานะ และ ส่งเสียง ซึ่งสินค้าตัวนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ได้ผลดีเยี่ยม ในการใช้งานกับผู้ป่วย และ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงที่ว่า ความจำของมนุษย์นั้นมีจำกัด แม้กระทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเอง ก็อาจลืมได้ ดังนั้นสมองไม่น่าจะประมวลผลข้อมูลได้มากๆ เหมือนที่กล่าวมา]


Charity: people care about others การกุศล คนเราก็แคร์คนอื่นเหมือนกัน ไม่ใช่สนใจแต่ตัวเอง

GiveDirectly คือบริการส่งมอบเงินบริจาคของคุณ ไปสู่ผู้รับที่ขาดแคลนโดยตรง ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ [ผู้บรรยายจะสื่อให้เห็นว่า มนุษย์เราก็แคร์คนอื่นเช่นกัน ไม่ใช่จะเห็นแก่ตัว Self-interested เพียงอย่างเดียว]


Selective Attention Test การเลือกที่จะให้ความสนใจ

สามารถเข้าไปดูวิดีโอ การทดลองเกี่ยวกับ "การเลือกที่จะให้ความสนใจ" ทาง YouTube https://youtu.be/vJG698U2Mvo ดูเสร็จแล้วผู้แปลขอสรุปตามด้านล่าง

การทดลอง จะเห็นว่ามนุษย์ สามารถให้ความสนใจได้ทีละอย่างเท่านั้น ในวิดีโอการทดลอง จะให้ผู้ชมนับว่า คนที่ใส่เสื้อสีขาว ในวิดีโอ ส่งบอลกี่ครั้ง ผู้ชมก็จะตั้งอกตั้งใจสนใจไปที่คนที่ใส่เสื้อสีขาวว่าส่งบอลกันกี่ครั้ง จนไม่ได้สังเกตุว่า มีอะไรแปลกๆเข้ามาในเฟรม (ถ้างงลองดูอีกรอบ 😄 )

โปรดติดตาม MIT Psychology & Economics 14.13: Lecture 1 Introduction I (ep2) ในตอนต่อไป 

ฝากแชร์ ฝากรีทวีต เพื่อให้เพื่อนท่านอื่นๆ ได้อ่านต่อ และถ้าท่านใดพอมีกำลัง อยากเลี้ยงกาแฟ เป็นกำลังใจผู้แปล รายละเอียดตามด้านล่างเลยจ้า 🥰 ขอบคุณครับ

Comments

Popular posts from this blog

รวมความรู้เกี่ยวกับระบบเทรด ICT (Inner Circle Trader) (ep1)

เทคนิคอลชาร์ต 101 อู๊ดอู๊ด : เคล็ดลับการหาจุดเข้าแบบเทพๆ ที่นักเทรดระดับโลกใช้

เทคนิคอลชาร์ต 101 อู๊ดอู๊ด : $BTC.D คืออะไร มีความหมายในการเทรดคริปโตยังไงนะ